วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

ภูเก็ตจัดงานวันระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ

จังหวัดภูเก็ตจัดงานพิธีเนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
      
       วันที่ 6 เม.ย.55 ที่ศาลาประชาคม อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายตรี อัครเดชา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประธานในพิธีเนื่องในวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ พร้อมถวายเครื่องราชสักการะ (พานพุ่มดอกไม้สด) ต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และจุดเครื่องทองน้อย โดยมีนายสมเกียรติ สังข์ขาว สุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางนลินี อัครเดชา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต ข้าราชการตุลาการ อัยการ พลเรือน ข้าราชการทหาร ตำรวจ พนักงานของรัฐ องค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม
      
       จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวคำถวายราชสดุดี เพื่อบรรดาข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนทุกหมูเหล่า ที่เข้าร่วมในพิธี ได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ในพระบรมจักรีวงศ์ ที่ทรงมีต่อชาติไทย และประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า โดยได้พร้อมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที กระทำพิธีถวายราชสักการะ และถวายราชสดุดี เพื่อเทิดทูนพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ให้สถิตมั่นในดวงใจของชาวไทยทั้งชาติตลอดไป
           “วันที่ 6 เม.ย.2325 เป็นวันที่พระบรมราชจักรีวงศ์ ได้สถิตมั่น ณ แผ่นดินสุวรรณภูมิ ต่อเนื่องมานับจนถึงวันนี้ สมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ที่ได้ทรงสืบทอดพระราชสันตติวงศ์ ต่อมาถึง 9 รัชกาล ได้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อความมั่นคงของประชาชน ตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ในยุคต้นแห่งการสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์นั้น ด้วยเดชะพระบารมีและพระปรีชาสามารถ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงรับพระราชภาระขจัดความวุ่นวายสับสน และภัยคุกคามต่างๆ จนหมดสิ้น ทรงแผ่พระราชอำนาจ ขยายพระราชอาณาเขต ปกเกศไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ให้ร่มเย็นเป็นสุขทุกพื้นที่
      
       พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ล้วนแต่นำมาซึ่งความผาสุก และความภาคภูมิใจของชาวไทยทั้งปวง ไม่ว่ายุคสมัยใด ในยามที่ชาติบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต ด้วยพระบรมเดชานุภาพ ก็จักกำจัดปัดเป่าให้เป็นภาวะปกติ ในยามที่ชาติบ้านเมืองร้อนเป็นไฟ พระมหากษัตริย์ก็จัดปัดเป่าผ่อนร้อนให้เป็นเย็น ผ่อนร้ายให้เป็นดี ในยามที่ชาติบ้านเมืองสับสน ประชาชนขาดความสามัคคี พระผู้อยู่ในดวงใจของทวยราษฎร์ ก็จัดเป็นศูนย์รวมใจขจัดความคับแค้นแคลงใจ นำมาซึ่งความรักและความสามัคคี ประชาชนพร้อมใจกันต่อสู้กับทุกข์ภัยทั้งปวง ก็ด้วยความจงรักภักดี และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของเจ้าเหนือหัวแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป