จังหวัดภูเก็ตประสบความสำเร็จรณรงค์สวมหมวกนิรภัย พบมีคนขับคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยมากเป็นอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ แต่ต้องเร่งรณรงค์เข้มในกลุ่มวัยรุ่นเหตุวัยรุ่นยังสวมใส่หมวกนิรภัยเพียง แค่ 60-70% เท่านั้น นายแพทย์ วิวัฒน์ ศิลตมโนช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงผลการประเมินผลการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า หลังจากที่ทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจัดรณรงค์ให้มีการสวมหมวกนิรภัย ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 100% เพื่อลดสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมาตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้
ปรากฏว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการสวมหมวกนิรภัย โดยมีผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยมากเป็นติดอันดับ 1 ใน 3 ของจังหวัดที่มีการสวมหมวกนิรภัยมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพฯ และ จ.เลย ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องซึ่งดำเนินเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการเมื่อเดือน ก.ค.2553 ที่ผ่านมา ระหว่างดำเนินโครงการ
ล่าสุด มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ โดยมีการเก็บตัวอย่างไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัวอย่าง พบว่า จำนวนผู้สวมหมวกนิรภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนที่จะมีการรณรงค์อย่างเข้มข้น พบว่า คนในจังหวัดภูเก็ตสวมหมวกนิรภัยเพียงแค่ 30% เท่านั้น แต่หลังจากการรณรงค์พบว่ามีการสวมเพิ่มขึ้น
โดยขณะนี้ในส่วนของผู้ใหญ่ที่เป็นคนขับขี่มีการสวมหมวกนิรภัยประมาณ 90% คนซ้อนท้ายอยู่ที่ประมาณ 70% ขณะที่ในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นพบว่า มีการสวมหมวกนิรภัยน้อยกว่ากลุ่มผู้ใหญ่โดยอยู่ที่ประมาณ 60-70% ส่วนช่วงเวลาในการสวมพบว่าในช่วงเวลากลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันโดย ในเวลากลางคืนมีผู้สวมหมวกนิรภัยน้อยกว่าเวลากลางวันประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ที่มีการสวมหมวกนิรภัยมากที่สุดในขณะนี้ คือ พื้นที่อำเภอเมือง รองลงมา คือ พื้นที่กะทู้ ป่าตอง และพื้นที่ที่มีการสวมหมวกนิรภัยน้อยที่สุด คือพื้นที่ อ.ถลาง ซึ่งมีสาเหตุมาจากพื้นที่ถลางเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเมือง บางครั้งคนออกจากสวนผัก สวนยางจะไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัยกัน
นายแพทย์ วิวัฒน์ กล่าวถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จากการเก็บข้อมูลพบว่าหลังจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัยในขณะที่ ขับขี่รถจักรยานยนต์พบว่าผู้ขับขี่ที่สวมหมวกนิรภัยผู้รอดชีวิตจาก อุบัติเหตุมากถึง 5 เท่าของผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยเวลาเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ใช้โมเดลการณรงค์สวมหมวกนิรภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปใช้กับพื้นที่ อื่นๆ แล้ว
ส่วนการเดินหน้ารณรงค์โครงการดังกล่าวในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะต้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นที่ขณะนี้พบว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ไม่สวมหมวก นิรภัย ซึ่งจะต้องรณรงค์ให้เข้มมากขึ้น เพื่อทำให้คนเหล่านี้เห็นความสำคัญของการสวมหมวกเพิ่มมากขึ้น
ปรากฏว่า จังหวัดภูเก็ตได้รับเลือกให้เป็นจังหวัดต้นแบบในการสวมหมวกนิรภัย โดยมีผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยมากเป็นติดอันดับ 1 ใน 3 ของจังหวัดที่มีการสวมหมวกนิรภัยมากที่สุด ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพฯ และ จ.เลย ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องซึ่งดำเนินเก็บข้อมูลมาตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการเมื่อเดือน ก.ค.2553 ที่ผ่านมา ระหว่างดำเนินโครงการ
ล่าสุด มีการเก็บรวบรวมข้อมูลเมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ โดยมีการเก็บตัวอย่างไม่ต่ำกว่า 30,000 ตัวอย่าง พบว่า จำนวนผู้สวมหมวกนิรภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนที่จะมีการรณรงค์อย่างเข้มข้น พบว่า คนในจังหวัดภูเก็ตสวมหมวกนิรภัยเพียงแค่ 30% เท่านั้น แต่หลังจากการรณรงค์พบว่ามีการสวมเพิ่มขึ้น
โดยขณะนี้ในส่วนของผู้ใหญ่ที่เป็นคนขับขี่มีการสวมหมวกนิรภัยประมาณ 90% คนซ้อนท้ายอยู่ที่ประมาณ 70% ขณะที่ในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นพบว่า มีการสวมหมวกนิรภัยน้อยกว่ากลุ่มผู้ใหญ่โดยอยู่ที่ประมาณ 60-70% ส่วนช่วงเวลาในการสวมพบว่าในช่วงเวลากลางวันกับกลางคืนมีความแตกต่างกันโดย ในเวลากลางคืนมีผู้สวมหมวกนิรภัยน้อยกว่าเวลากลางวันประมาณ 10%
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ที่มีการสวมหมวกนิรภัยมากที่สุดในขณะนี้ คือ พื้นที่อำเภอเมือง รองลงมา คือ พื้นที่กะทู้ ป่าตอง และพื้นที่ที่มีการสวมหมวกนิรภัยน้อยที่สุด คือพื้นที่ อ.ถลาง ซึ่งมีสาเหตุมาจากพื้นที่ถลางเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกเมือง บางครั้งคนออกจากสวนผัก สวนยางจะไม่ค่อยสวมหมวกนิรภัยกัน
นายแพทย์ วิวัฒน์ กล่าวถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ว่า จากการเก็บข้อมูลพบว่าหลังจากมีการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหมวกนิรภัยในขณะที่ ขับขี่รถจักรยานยนต์พบว่าผู้ขับขี่ที่สวมหมวกนิรภัยผู้รอดชีวิตจาก อุบัติเหตุมากถึง 5 เท่าของผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยเวลาเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ใช้โมเดลการณรงค์สวมหมวกนิรภัยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตไปใช้กับพื้นที่ อื่นๆ แล้ว
ส่วนการเดินหน้ารณรงค์โครงการดังกล่าวในส่วนของจังหวัดภูเก็ตจะต้อง ดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มวัยรุ่นที่ขณะนี้พบว่ายังมีอีกจำนวนมากที่ไม่สวมหมวก นิรภัย ซึ่งจะต้องรณรงค์ให้เข้มมากขึ้น เพื่อทำให้คนเหล่านี้เห็นความสำคัญของการสวมหมวกเพิ่มมากขึ้น
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป