วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

ข่าวจากกรมประชาสัมพันธ์ ประจำวันที่ 8 ม.ค.56


ผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรีเขตตรวจราชการที่ 14 และคณะเดินทาง ตรวจติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555/2556

                นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรีเขตตรวจราชการที่ 14 และคณะเดินทาง ตรวจติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555/2556 วันนี้(9 มกราคม 2556)เวลา 09.30 น นายจิรายุ นันท์ธราธร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 14 และคณะกำหนดเดินทางตรวจติดตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี 2555 / 56 ที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมีกำหนดประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือข้อราชการ ณ ห้องประชุมจอมสุรินทร์ ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์
                หลังจากนั้น เดินทางไปตรวจติดตามการรับจำนำในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ และ พื้นที่อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จังหวัดสุรินทร์ มีโรงสีเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 จำนวน 33 โรงสี และโรงสีในจังหวัดได้เปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่จำนวน 38 แห่ง รวมจุดรับจำนำทั้งสิ้น 71 แห่ง ณ วันที่ 7 มกราคม2556 มีเกษตรกรรับใบรับรองเกษตรไปแล้ว จำนวน 133,525 ครัวเรือน องค์การคลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกรได้ออกใบประทวนสินค้าให้แก่เกษตรกรแล้วจำนวน 101,988 ฉบับ ปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าสู่โครงการเป็นข้าวหอมมะลิน้ำหนัก 304,697 ตัน และ ธ.ก.ส. ทำสัญญาจ่ายเงินให้เกษตรกรแล้วจำนวน 56,487 ฉบับ เป็นเงินจำนวน 4,765,807,381 บาท สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วและมีความประสงค์จะจำนำข้าวเปลือก ขอให้นำข้าวเปลือกไปจำนำที่โรงสีที่ร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เกษตรกรต้องนำข้าวเปลือกพร้อมเอกสารหลักฐานไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ณ จุดรับจำนำข้าวด้วยตนเอง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมสำเนา ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา หลักฐานการเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. (สมุดเงินกู้) พร้อมสำเนา และใบรับรองเกษตร
---------------------------------------------------------------------------------------

รองนายกรัฐมนตรีเตรียมบินลอนดอนถกทีม ก.ม.สู้คดีเขาพระวิหาร

            นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการเตรียมยกคณะทีมที่ปรึกษาของไทยที่ทำคดีเขาพระวิหารไปประสานกับที่ปรึกษาต่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ว่า จะไปพบที่ปรึกษาชุดเดิม โดยจะไปหารือถึงแนวทางการต่อสู้คดี ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะมีนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายไทยต่อสู้คดีเขาพระวิหาร เดินทางไปด้วย เพื่อเตรียมแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกที่จะมีเดือนเมษายนนี้
       ทั้งนี้ การเดินทางไปหารือที่ลอนดอน จะเป็นการไปเลือกประเด็นสำคัญที่จะหยิบยกมากล่าวให้ตุลาการศาลโลกเห็นข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้ ยืนยันว่า จะพยายามทำงานอย่างดีที่สุดด้วยข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ และจะเลือกใช้ให้เป็นประโยชน์กับไทยมากที่สุด
       อย่างไรก็ตาม การตัดสินจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับตุลาการศาล พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่า ตุลาการศาลโลกจะไม่ถูกโน้มน้าวใจจากฝ่ายอื่นๆ ได้ เพราะตุลาการศาลโลกมีหลักข้อยึดถือที่แน่นอน
----------------------------------------------------------------------------------------

นายกฯ ยันนโยบายขึ้นค่าแรงได้ประโยชน์จริงทั้งผู้ประกอบการ-ผู้ใช้แรงงาน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศจะส่งผลดีต่อทั้งผู้ประกอบการและผู้ใช้แรงงาน เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว ซึ่งในระยะยาวแล้วรัฐบาลตั้งใจจะทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
 "ขอเรียนยืนยันว่าการขึ้นค่าแรง 300 บาทเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ส่วน ทั้งการช่วยเหลือดูแลผู้ใช้แรงงานให้เพียงพอต่อการยังชีพ และระยะยาว กำลังการบริโภคในประเทศจะดีขึ้น แต่แน่นอนว่าเราต้องดูผลกระทบของผู้ประกอบการและการปรับตัวควบคู่กันไป"นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับมติคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ใน 3 ด้านหลัก คือ ภาครัฐจะใช้บริการผู้ประกอบการ SMEs เพื่อช่วยเสริมสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ, มาตรการด้านภาษี เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการลดรายจ่าย และมาตรการด้านดอกเบี้ย-เงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปตรวจสอบและช่วยเหลือผู้ประกอบการในกรณีที่มีบางบริษัทเริ่มมีการเลิกจ้าง โดยยืนยันว่ารัฐบาลมีความห่วงใยผู้ประกอบการ พร้อมสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังเข้าไปช่วยดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเลิกจ้างว่ามาจากปัจจัยใด และจะสามารถช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง
พร้อมกันนี้จะให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนกรณีที่มีบริษัทปิดกิจการ โดยขอให้ดูสถิติการจดทะเบียนเลิกกิจการว่าแต่ละปีมีจำนวนมากน้อยเพียงใด และชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือ SMEs ในวันนี้แล้ว จะมอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ไปหารือกับผู้ประกอบการ SMEs อีกครั้งว่ายังมีมาตรการใดบ้างที่ต้องการจะให้ภาครัฐช่วยเหลือ
------------------------------------------------------------------------------------

นายกรัฐมนตรี มอบสารวันเด็กปี 2556 ย้ำต้องมีวินัย ยึดมั่นเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์

                น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีสารถึงเด็กไทยเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556 โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า วันเด็กแห่งชาติได้จัดขึ้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญของตน ทั้งในเรื่องของสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัย ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียนประพฤติตนเป็นคนดี เชื่อฟังบิดามารดา ผู้ปกครอง อยู่ในกฎระเบียบวินัย รู้จักการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม รู้จักการแบ่งปัน รู้รักสามัคคี รู้จักคิด รักตนเอง รักครอบครัว และรักประเทศชาติ ตลอดจน ยึดมั่นเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ปี 2556 ตนขอมอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติว่า "รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน"
         ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนล้วนมีอิสระทางความคิด แต่การแสดงออกต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสมและสร้างสรรค์รักษาวินัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี โดยเฉพาะปัจจุบันสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดความรู้ใหม่ ๆ อย่างกว้างขวาง การแสวงหาความรู้จึงไม่มีขีดจำกัดอยู่เฉพาะภายในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองหลายทาง เช่น การอ่านหนังสือ การเดินทาง การสืบค้นข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
         น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า เด็กและเยาวชนจึงต้องรู้จักคิด เลือกรับข้อมูลที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะในปี 2558 เป็นปีที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ เด็กและเยาวชนไทยจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ การเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณี และภาษาของประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน พร้อมกับการฝึกฝนทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อเด็ก เยาวชน และประเทศไทยในการก้าวสู่อาเซียนได้อย่างมั่นใจ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กรมอุตุฯ เผยช่วง 10-12 ม.ค.ตอนบนประเทศอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศา

               กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น.บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นโดยทั่วไปกับมีหมอกในตอนเช้า ยกเว้นภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็น สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังปานกลาง พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีฝนกระจาย
                อนึ่ง ช่วงวันที่ 10-12 มกราคม 2556 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส
                พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันนี้ ถึง 06.00 น.วันพรุ่งนี้
ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส
                ตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 10-30 กม./ชม.
                ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม.
                ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
                สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม.
                ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
                ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)  ตอนบนของภาคตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา:อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนทางตอนล่างของภาคตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป:มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
                ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก)  มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
                กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนและมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 15-30 กม./ชม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป