สภาพัฒนา ชุมชนป่าตอง จัดสัมมนา “ป่าตองพื้นที่การปกครองพิเศษสู่การจัดการตนเอง” ระดมความเห็นประชาชนในพื้นที่กำหนดรูปแบบที่ต้องการ เผยป่าตองต้องเป็นการปกครองรูปแบบพิเศษในลักษณะของเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ที่ไม่ต้องขึ้นตรงกับส่วนราชการภูมิภาค และปรับโครงสร้างภาษีให้ 50% ใช้ในท้องถิ่น
วันที่ 20 ก.ค.55 ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต สภาพัฒนาชุมชนป่าตอง จัดสัมมนาเรื่อง “ป่าตองพื้นที่การปกครองพิเศษสู่การจัดการตนเอง” เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ป่าตองถึงแนวคิดในการผลักดันให้ป่า ตองปกครองรูปแบบพิเศษ โดยมีหน่วยงานราชการ และประชาชนในป่าตองเข้าร่วม ซึ่งมีนายจินดา บุญจันทร์ จากสภาพัฒนาชุมชน นายปรีดี โชติช่วง รองเลขาธิการสภาพัฒนาเมือง และ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสภาพัฒนาชุมชนป่าตอง ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสภาพัฒนาชุมชนป่าตอง กล่าวว่า สภาพัฒนาชุมชนป่าตองได้มีการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่องป่าตองพื้นที่ ปกครองพิเศษสู่การจัดการตนเอง เพื่อต้องการที่จะรับฟังความคิดเห็นของชาวป่าตอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดสัมมนาในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหนึ่งครั้ง ชาวป่าตองเห็นด้วยกับการปกครองรูปแบบพิเศษ เพราะมองเห็นว่าหากป่าตองสามารถปกครองในรูปแบบพิเศษได้ จะทำให้เมืองป่าตองมีการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เนื่องจากปัจจุบัน ป่าตองต้องประสบกับปัญหาในหลายๆ ด้าน จากการขาดแคลนงบประมาณในการลงทุนพัฒนา ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ขยะที่มีมากกว่าวันละ 120-150 ตัน จากจำนวนประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อยู่ในป่าตองไม่น้อยกว่าวันละ 100,000 คน ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต รวมไปถึงปัญหาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว
นายปรีชาวุฒิ กล่าวเพิ่มว่า หากป่าตองสามารถที่จะบริหารจัดการตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของอำนาจการบริหารจัดการ และการบริหารงบประมาณ ป่าตองจะต้องได้รับการพัฒนามากกว่านี้ ซึ่งการที่จะทำในลักษณะแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ ซึ่งการปกครองรูปแบบพิเศษที่เกิดขึ้นในประเทศในขณะนี้ มีอยู่ 2 ที่ คือ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งป่าตองนั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับพัทยา คือ เป็นเมืองท่องเที่ยวเหมือนกัน ดังนั้น การปกครองรูปแบบพิเศษของป่าตองน่าที่จะออกมาในลักษณะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว โดยขึ้นตรงกับทางกระทรวงมหาดไทย หรือสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องผ่านการปกครองในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ให้ภาษีที่จัดเก็บได้ในพื้นที่ทั้งหมด ให้ตกอยู่ในพื้นที่ 50% ที่เหลืออีก 50% ส่งให้ส่วนกลาง
“หากป่าตองสามารถปกครองรูปแบบพิเศษได้ จะทำให้ป่าตองเป็นเมืองที่ทันสมัย มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีงบประมาณลงทุนในสิ่งที่ท้องถิ่นต้องการ”
วันที่ 20 ก.ค.55 ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต สภาพัฒนาชุมชนป่าตอง จัดสัมมนาเรื่อง “ป่าตองพื้นที่การปกครองพิเศษสู่การจัดการตนเอง” เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ป่าตองถึงแนวคิดในการผลักดันให้ป่า ตองปกครองรูปแบบพิเศษ โดยมีหน่วยงานราชการ และประชาชนในป่าตองเข้าร่วม ซึ่งมีนายจินดา บุญจันทร์ จากสภาพัฒนาชุมชน นายปรีดี โชติช่วง รองเลขาธิการสภาพัฒนาเมือง และ นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสภาพัฒนาชุมชนป่าตอง ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น ประธานสภาพัฒนาชุมชนป่าตอง กล่าวว่า สภาพัฒนาชุมชนป่าตองได้มีการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเรื่องป่าตองพื้นที่ ปกครองพิเศษสู่การจัดการตนเอง เพื่อต้องการที่จะรับฟังความคิดเห็นของชาวป่าตอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการจัดสัมมนาในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหนึ่งครั้ง ชาวป่าตองเห็นด้วยกับการปกครองรูปแบบพิเศษ เพราะมองเห็นว่าหากป่าตองสามารถปกครองในรูปแบบพิเศษได้ จะทำให้เมืองป่าตองมีการพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เนื่องจากปัจจุบัน ป่าตองต้องประสบกับปัญหาในหลายๆ ด้าน จากการขาดแคลนงบประมาณในการลงทุนพัฒนา ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม ขยะที่มีมากกว่าวันละ 120-150 ตัน จากจำนวนประชาชน และนักท่องเที่ยวที่อยู่ในป่าตองไม่น้อยกว่าวันละ 100,000 คน ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต รวมไปถึงปัญหาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยว
นายปรีชาวุฒิ กล่าวเพิ่มว่า หากป่าตองสามารถที่จะบริหารจัดการตัวเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องของอำนาจการบริหารจัดการ และการบริหารงบประมาณ ป่าตองจะต้องได้รับการพัฒนามากกว่านี้ ซึ่งการที่จะทำในลักษณะแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นการปกครองในรูปแบบพิเศษ ซึ่งการปกครองรูปแบบพิเศษที่เกิดขึ้นในประเทศในขณะนี้ มีอยู่ 2 ที่ คือ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ซึ่งป่าตองนั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับพัทยา คือ เป็นเมืองท่องเที่ยวเหมือนกัน ดังนั้น การปกครองรูปแบบพิเศษของป่าตองน่าที่จะออกมาในลักษณะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อการท่องเที่ยว โดยขึ้นตรงกับทางกระทรวงมหาดไทย หรือสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องผ่านการปกครองในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งมีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ให้ภาษีที่จัดเก็บได้ในพื้นที่ทั้งหมด ให้ตกอยู่ในพื้นที่ 50% ที่เหลืออีก 50% ส่งให้ส่วนกลาง
“หากป่าตองสามารถปกครองรูปแบบพิเศษได้ จะทำให้ป่าตองเป็นเมืองที่ทันสมัย มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน มีงบประมาณลงทุนในสิ่งที่ท้องถิ่นต้องการ”
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป